ร่ำไห้ระงม “ไอซ์ ศรัณยู” ช็อกขับรถชนคนเสียชีวิต ยินดีรับผิดชอบทุกกรณี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
11 พฤษภาคม 2558 20:13 น. (แก้ไขล่าสุด 12 พฤษภาคม 2558 00:21 น.)
จากกรณีที่นักร้องดัง “ไอซ์ ศรัณยู วินัยพานิช” ขับรถชน “นายวิชัย ยองใย” อายุ 43 ปี ชาว จ.สุรินทร์เสียชีวิต วันนี้เจ้าตัวพร้อม “คุณพ่อสมยศ วินัยพานิช” และ “คุณแม่กรรณ์ทิมา วินัยพานิช” ได้นัดสื่อมวลชนเพื่อแถลงข่าวเปิดใจถึงกรณีดังกล่าวด้วยอาการน้ำตานอง ณ ตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ยันยินดีรับผิดชอบทุกกรณี
“คืนนั้นไปร้องเพลงที่ย่านเจริญกรุงนะครับ ทำงานเสร็จก็ขับรถกลับบ้านที่ซอยรามอินทรา 14 ขับมาถึงจุดเกิดเหตุจริงๆ ก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุเราก็เห็นว่าไฟของถนนเสีย แล้วแถวนั้นก็ไม่มีไฟถนนตรงนั้นก็มืดมาก ธรรมชาติของคนเราเมื่อเห็นไฟดับก็ค่อนข้างระมัดระวังในการขับขี่แต่มันเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ก็คือเห็นพี่ผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ข้างหน้าเราแล้ว เราก็รวบรวมสติในการเบรกเต็มที่แล้วแต่มันก็ไม่ทัน ประมาณ 5 ทุ่ม ไอซ์ขับรถมาคนเดียวครับ คือตัวไอซ์ไม่สามารถพูดได้เลยว่าเป็นการตัดหน้าหรือเดินมาหรืออะไรเพราะอย่างที่ไอซ์บอกมันกะทันหันมากเราเห็นอีกทีคือเขาอยู่หน้ารถแล้ว”
“ไอซ์ขับไม่เร็วครับเพราะถ้าหลายคนรู้จักซอยมัยลาภนะครับตรงนั่นเป็นเขตชุมชนเราไม่สามารถขับไปเร็วกว่าที่มันควรจะเป็นได้ อีกส่วนที่เราบอกได้ว่าเราขับไม่เร็วจริงๆ ก็คือมีแท็กซี่ขับตามเรามาแล้วก็ชนท้ายเราอีกที อย่างที่ทุกคนทราบกันเหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันหันจริงๆ แท็กซี่ก็เบรกไม่ทันเหมือนกันก็เลยชนท้ายรถเรา วันนั้นไม่มีอาการเหนื่อยล้า ไม่วูบ ไม่อะไรเลยครับ อย่างที่ไอซ์บอกพอเห็นไฟดับตั้งแต่แรกก็ระมัดระวังแล้วก็ไม่ได้มีอาการเหนื่อยล้าหรือมึนเมาใดๆ เพราะปกติไอซ์ก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว”
เผยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย
“ตอนแรกพอเรารู้ว่าได้ชนพี่เขาก็ได้วิ่งลงไปจากรถ ตกใจมากทำอะไรไม่ถูก สิ่งแรกที่ทำคือยกมือไหว้พี่เขาก่อนไม่รู้ว่าตอนนั่นคิดอะไรเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่าผมขอโทษที่ได้ชนพี่เขาตอนนั้นทุกอย่างมันเร็วมาก อย่างที่บอกเหตุมันเกิดพื้นที่ชุมชนมีพี่ๆ ที่นั่งคุยกันแถวนั้นก็วิ่งเข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิก็มาอย่างรวดเร็วแล้วก็นำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล”
“ตอนที่เราเห็นคือเห็นพี่เขานอนคว่ำหน้าคือจริงๆ ตอนที่เราชนพี่เขาเราก็ไม่เห็นข้างหน้าพี่เขา คือเราเห็นด้านหลังตั้งแต่ก่อนชนเลยครับ หลังจากนั้นมูลนิธิก็มาจัดการนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยที่ตัวไอซ์เองตอนนั้นยังไม่สามารถตามไปที่โรงพยาบาลได้เพราะเราต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแต่ก็ได้โทร.บอกเพื่อนให้เพื่อนตามไปที่โรงพยาบาลนพรัตน์ทันที เพื่อติดตามอาการ หลังจากนั้นช่วงเช้ามืดประมาณตี 3 ตี 4 เราก็ประสานงานในการย้ายคนเจ็บไปรักษาตัวในโรงพยาบาลลาดพร้าวเพื่อความรวดเร็วแล้วก็สะดวกในการรักษา ตอนนั้นทางมูลนิธิแจ้งว่าพี่เขายังมีสติอยู่ตอนที่นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วก็ในพื้นที่ตรงนั้นที่เห็นไม่มีเลือดไม่มีอะไร”
“ด้วยความที่ไอซ์ตกใจมากๆ ในตอนนั้นแล้วก็ทางเจ้าหน้าที่จะคุยกับคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการก็รับทราบอาการว่าอยู่ในขั้นตอนของการรักษาอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ทราบรายละเอียด แต่ก็อย่างที่บอกตั้งแต่เกิดเหตุเช้าวันรุ่งขึ้นพอทราบว่าได้มีการย้ายเข้าโรงพยาบาลลาดพร้าวก็ไปโรงพยาบาลแต่เช้า ตลอดเวลาที่พี่เขารักษาตัวอยู่ที่โรงบาล ตัวไอซ์เองครอบครัวผู้จัดการไม่เคยมีวันไหนเลยที่ไอซ์หรือครอบครัวหรือตัวแทนจากไอซ์ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวก หรือว่าติดตามอาการในส่วนของญาติก็มีการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้ามาเยี่ยมคนเจ็บ แล้วก็รับผิดชอบทุกอย่างไอซ์ว่าเราทำอะไรไปแล้วไอซ์ก็ต้องรับผิดชอบ (ร้องไห้) ไอซ์ช็อกมากครับจนถึงตอนนี้ (เสียงสั่น) ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสียครับเราเองเราก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำครับ”
แม่น้ำตาร่วง ยันเป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครอยากให้เกิด
แม่ไอซ์ : “ทีแรกแม่อยู่ต่างจังหวัดพอทราบข่าวก็ขึ้นมาอยู่กับไอซ์ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยไม่อยากให้เกิดขึ้นทางเราก็เสียใจทางคนเสียชีวิตก็เสียใจ (ร้องไห้)
ไอซ์ : “ในทุกๆ วันเราหวังให้เขาดีขึ้นเสมอ (ร้องไห้) ระยะเวลาในการรักษาก็เป็นอาทิตย์เราเฝ้าติดตามอาการตลอดจริงๆ ครับ ไอซ์ไปแทบจะตลอดเลยครับถ้าวันไหนไปไม่ได้จริงๆ ก็จะมีตัวแทนอย่างผู้จัดการก็จะสแตนบายอยู่ตรงนั้นเลยตั้งแต่เช้ายันดึกทุกวันวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2 คนเพื่อที่จะไปอำนวยความสะดวกให้กับญาติแล้วติดตามอาการตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่มทุกวันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ (ร้องไห้) ทางคุณหมอได้มีการแจ้งอาการอยู่ตลอดนะครับ ในทุกๆ วันเราก็ภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย ไอซ์ไปเยี่ยมพี่เขาตลอดเขาก็นอนรักษาตัวอยู่ตลอด”
ยันไม่เคยหลบหนี ตอนนี้ยังผวาไม่กล้าขับรถอีก
“อย่างที่บอกว่าตั้งแต่วันแรก ทุกคนเห็นไอซ์มาตลอด ไอซ์ไม่เคยหลบหนี (ร้องไห้) อะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้นก็ให้มันเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเนอะ ไอซ์อยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดใดๆ ครับ"
“ในส่วนการรับทราบข้อกล่าวหา อย่างที่ทราบกันว่าในตอนแรกที่ยังไม่ได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเพราะว่าพอเหตุการณ์เกิดขึ้นก็มีในเรื่องการประสานงานขนย้ายศพ และไปร่วมสวดอภิธรรมศพ ก็เลยขออนุญาตไปทำส่วนนั้นก่อน แต่พอเมื่อคืนได้ไปร่วมสวดอภิธรรมศพแล้ว เมื่อเช้าไอซ์ก็เข้าไปที่ สน.โคกคราม เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาและลงบันทึกประจำวัน ทำทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่างที่บอกว่าไอซ์ไม่เคยไปไหนจริงๆ ไอซ์พยายามทำทุกอย่างตามกฎหมายบ้านเมืองครับ ถามว่าทางตำรวจสรุปข้อกล่าวหาว่าอะไร ในส่วนนี้ไอซ์ใช้คำไม่เป็น ไอซ์ขออนุญาตให้ทุกคนสอบถามกับทางตำรวจแล้วกันครับ เพราะทางตำรวจน่าจะตอบได้ดีกว่าครับ ก็เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองครับ"
“ก็ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ขอโทษด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่ายเลยครับ และขอขมากับผู้เสียชีวิตด้วยครับ สำหรับกำลังใจทั้งหลายที่มีให้ไอซ์ก็ขอบคุณมากๆ ครับผม ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตต้องรอผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ จึงยังตอบอะไรไม่ได้ ตอนที่รู้ข่าวว่าเขาเสียชีวิตก็รู้สึกว่าช็อก ไม่อยากให้มีการสูญเสีย อะไรก็ตามที่ไอซ์สามารถรับผิดชอบได้ไอซ์ก็ทำไม่เคยหนี จนเขาเสียชีวิต ไอซ์ก็มอบเงินส่วนหนึ่งในการจัดงานศพ อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายศพไปจังหวัดสุรินทร์ และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย โดยจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ซึ่งเมื่อวานไอซ์และครอบครัวไปเป็นเจ้าภาพสวดศพที่ จ.สุรินทร์ และทางญาติผู้ตายก็ได้ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญ โดยญาติทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งไอซ์คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสิ่งเหล่านี้เพราะไอซ์คิดว่าอยากไปขอขมาเท่านั้น ส่วนอะไรที่เกิดขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ไอซ์ไม่เคยหนีความรับผิดใดๆ ส่วนการรับทราบข้อกล่าวหาไอซ์ได้เข้า สน.ไปเมื่อเช้าเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนข้อหาอะไรไอซ์บอกไม่ถูก ขอให้สอบถามกับทางตำรวจดีกว่า ก็ขอบคุณทุกกำลังใจและขอโทษขอขมาผู้เสียชีวิต ขอโทษญาติๆ ของผู้เสียชีวิตด้วย”
“เรื่องนี้สอนอะไรไอซ์บ้าง (นิ่งเงียบก่อนร้องไห้) ไม่รู้จะพูดยังไง อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย แต่เมื่อเกิดขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการรับผิดชอบครับ ซึ่งวันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพ ถามว่าเข็ดไหมกับการขับรถ ตอนนี้ไอซ์ยังไม่ได้ขับรถเลย เอาแค่นั่งรถไปแล้วเห็นทางข้างหน้ามืดไอซ์ก็กลัวแล้ว (ร้องไห้)”
“คืนนั้นไปร้องเพลงที่ย่านเจริญกรุงนะครับ ทำงานเสร็จก็ขับรถกลับบ้านที่ซอยรามอินทรา 14 ขับมาถึงจุดเกิดเหตุจริงๆ ก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุเราก็เห็นว่าไฟของถนนเสีย แล้วแถวนั้นก็ไม่มีไฟถนนตรงนั้นก็มืดมาก ธรรมชาติของคนเราเมื่อเห็นไฟดับก็ค่อนข้างระมัดระวังในการขับขี่แต่มันเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ก็คือเห็นพี่ผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ข้างหน้าเราแล้ว เราก็รวบรวมสติในการเบรกเต็มที่แล้วแต่มันก็ไม่ทัน ประมาณ 5 ทุ่ม ไอซ์ขับรถมาคนเดียวครับ คือตัวไอซ์ไม่สามารถพูดได้เลยว่าเป็นการตัดหน้าหรือเดินมาหรืออะไรเพราะอย่างที่ไอซ์บอกมันกะทันหันมากเราเห็นอีกทีคือเขาอยู่หน้ารถแล้ว”
“ไอซ์ขับไม่เร็วครับเพราะถ้าหลายคนรู้จักซอยมัยลาภนะครับตรงนั่นเป็นเขตชุมชนเราไม่สามารถขับไปเร็วกว่าที่มันควรจะเป็นได้ อีกส่วนที่เราบอกได้ว่าเราขับไม่เร็วจริงๆ ก็คือมีแท็กซี่ขับตามเรามาแล้วก็ชนท้ายเราอีกที อย่างที่ทุกคนทราบกันเหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันหันจริงๆ แท็กซี่ก็เบรกไม่ทันเหมือนกันก็เลยชนท้ายรถเรา วันนั้นไม่มีอาการเหนื่อยล้า ไม่วูบ ไม่อะไรเลยครับ อย่างที่ไอซ์บอกพอเห็นไฟดับตั้งแต่แรกก็ระมัดระวังแล้วก็ไม่ได้มีอาการเหนื่อยล้าหรือมึนเมาใดๆ เพราะปกติไอซ์ก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว”
เผยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย
“ตอนแรกพอเรารู้ว่าได้ชนพี่เขาก็ได้วิ่งลงไปจากรถ ตกใจมากทำอะไรไม่ถูก สิ่งแรกที่ทำคือยกมือไหว้พี่เขาก่อนไม่รู้ว่าตอนนั่นคิดอะไรเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกว่าผมขอโทษที่ได้ชนพี่เขาตอนนั้นทุกอย่างมันเร็วมาก อย่างที่บอกเหตุมันเกิดพื้นที่ชุมชนมีพี่ๆ ที่นั่งคุยกันแถวนั้นก็วิ่งเข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิก็มาอย่างรวดเร็วแล้วก็นำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล”
“ตอนที่เราเห็นคือเห็นพี่เขานอนคว่ำหน้าคือจริงๆ ตอนที่เราชนพี่เขาเราก็ไม่เห็นข้างหน้าพี่เขา คือเราเห็นด้านหลังตั้งแต่ก่อนชนเลยครับ หลังจากนั้นมูลนิธิก็มาจัดการนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยที่ตัวไอซ์เองตอนนั้นยังไม่สามารถตามไปที่โรงพยาบาลได้เพราะเราต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแต่ก็ได้โทร.บอกเพื่อนให้เพื่อนตามไปที่โรงพยาบาลนพรัตน์ทันที เพื่อติดตามอาการ หลังจากนั้นช่วงเช้ามืดประมาณตี 3 ตี 4 เราก็ประสานงานในการย้ายคนเจ็บไปรักษาตัวในโรงพยาบาลลาดพร้าวเพื่อความรวดเร็วแล้วก็สะดวกในการรักษา ตอนนั้นทางมูลนิธิแจ้งว่าพี่เขายังมีสติอยู่ตอนที่นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วก็ในพื้นที่ตรงนั้นที่เห็นไม่มีเลือดไม่มีอะไร”
“ด้วยความที่ไอซ์ตกใจมากๆ ในตอนนั้นแล้วก็ทางเจ้าหน้าที่จะคุยกับคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการก็รับทราบอาการว่าอยู่ในขั้นตอนของการรักษาอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ทราบรายละเอียด แต่ก็อย่างที่บอกตั้งแต่เกิดเหตุเช้าวันรุ่งขึ้นพอทราบว่าได้มีการย้ายเข้าโรงพยาบาลลาดพร้าวก็ไปโรงพยาบาลแต่เช้า ตลอดเวลาที่พี่เขารักษาตัวอยู่ที่โรงบาล ตัวไอซ์เองครอบครัวผู้จัดการไม่เคยมีวันไหนเลยที่ไอซ์หรือครอบครัวหรือตัวแทนจากไอซ์ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวก หรือว่าติดตามอาการในส่วนของญาติก็มีการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้ามาเยี่ยมคนเจ็บ แล้วก็รับผิดชอบทุกอย่างไอซ์ว่าเราทำอะไรไปแล้วไอซ์ก็ต้องรับผิดชอบ (ร้องไห้) ไอซ์ช็อกมากครับจนถึงตอนนี้ (เสียงสั่น) ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสียครับเราเองเราก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำครับ”
แม่น้ำตาร่วง ยันเป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครอยากให้เกิด
แม่ไอซ์ : “ทีแรกแม่อยู่ต่างจังหวัดพอทราบข่าวก็ขึ้นมาอยู่กับไอซ์ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยไม่อยากให้เกิดขึ้นทางเราก็เสียใจทางคนเสียชีวิตก็เสียใจ (ร้องไห้)
ไอซ์ : “ในทุกๆ วันเราหวังให้เขาดีขึ้นเสมอ (ร้องไห้) ระยะเวลาในการรักษาก็เป็นอาทิตย์เราเฝ้าติดตามอาการตลอดจริงๆ ครับ ไอซ์ไปแทบจะตลอดเลยครับถ้าวันไหนไปไม่ได้จริงๆ ก็จะมีตัวแทนอย่างผู้จัดการก็จะสแตนบายอยู่ตรงนั้นเลยตั้งแต่เช้ายันดึกทุกวันวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2 คนเพื่อที่จะไปอำนวยความสะดวกให้กับญาติแล้วติดตามอาการตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่มทุกวันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ (ร้องไห้) ทางคุณหมอได้มีการแจ้งอาการอยู่ตลอดนะครับ ในทุกๆ วันเราก็ภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย ไอซ์ไปเยี่ยมพี่เขาตลอดเขาก็นอนรักษาตัวอยู่ตลอด”
ยันไม่เคยหลบหนี ตอนนี้ยังผวาไม่กล้าขับรถอีก
“อย่างที่บอกว่าตั้งแต่วันแรก ทุกคนเห็นไอซ์มาตลอด ไอซ์ไม่เคยหลบหนี (ร้องไห้) อะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้นก็ให้มันเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเนอะ ไอซ์อยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดใดๆ ครับ"
“ในส่วนการรับทราบข้อกล่าวหา อย่างที่ทราบกันว่าในตอนแรกที่ยังไม่ได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเพราะว่าพอเหตุการณ์เกิดขึ้นก็มีในเรื่องการประสานงานขนย้ายศพ และไปร่วมสวดอภิธรรมศพ ก็เลยขออนุญาตไปทำส่วนนั้นก่อน แต่พอเมื่อคืนได้ไปร่วมสวดอภิธรรมศพแล้ว เมื่อเช้าไอซ์ก็เข้าไปที่ สน.โคกคราม เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาและลงบันทึกประจำวัน ทำทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่างที่บอกว่าไอซ์ไม่เคยไปไหนจริงๆ ไอซ์พยายามทำทุกอย่างตามกฎหมายบ้านเมืองครับ ถามว่าทางตำรวจสรุปข้อกล่าวหาว่าอะไร ในส่วนนี้ไอซ์ใช้คำไม่เป็น ไอซ์ขออนุญาตให้ทุกคนสอบถามกับทางตำรวจแล้วกันครับ เพราะทางตำรวจน่าจะตอบได้ดีกว่าครับ ก็เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองครับ"
“ก็ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ขอโทษด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่ายเลยครับ และขอขมากับผู้เสียชีวิตด้วยครับ สำหรับกำลังใจทั้งหลายที่มีให้ไอซ์ก็ขอบคุณมากๆ ครับผม ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตต้องรอผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ จึงยังตอบอะไรไม่ได้ ตอนที่รู้ข่าวว่าเขาเสียชีวิตก็รู้สึกว่าช็อก ไม่อยากให้มีการสูญเสีย อะไรก็ตามที่ไอซ์สามารถรับผิดชอบได้ไอซ์ก็ทำไม่เคยหนี จนเขาเสียชีวิต ไอซ์ก็มอบเงินส่วนหนึ่งในการจัดงานศพ อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายศพไปจังหวัดสุรินทร์ และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย โดยจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ซึ่งเมื่อวานไอซ์และครอบครัวไปเป็นเจ้าภาพสวดศพที่ จ.สุรินทร์ และทางญาติผู้ตายก็ได้ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญ โดยญาติทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งไอซ์คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสิ่งเหล่านี้เพราะไอซ์คิดว่าอยากไปขอขมาเท่านั้น ส่วนอะไรที่เกิดขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ไอซ์ไม่เคยหนีความรับผิดใดๆ ส่วนการรับทราบข้อกล่าวหาไอซ์ได้เข้า สน.ไปเมื่อเช้าเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนข้อหาอะไรไอซ์บอกไม่ถูก ขอให้สอบถามกับทางตำรวจดีกว่า ก็ขอบคุณทุกกำลังใจและขอโทษขอขมาผู้เสียชีวิต ขอโทษญาติๆ ของผู้เสียชีวิตด้วย”
“เรื่องนี้สอนอะไรไอซ์บ้าง (นิ่งเงียบก่อนร้องไห้) ไม่รู้จะพูดยังไง อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย แต่เมื่อเกิดขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการรับผิดชอบครับ ซึ่งวันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพ ถามว่าเข็ดไหมกับการขับรถ ตอนนี้ไอซ์ยังไม่ได้ขับรถเลย เอาแค่นั่งรถไปแล้วเห็นทางข้างหน้ามืดไอซ์ก็กลัวแล้ว (ร้องไห้)”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9580000053783